สถานที่ยอดนิยม ในอุดรธานี
อุดรธานี เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม และมีประวัติศาสตร์ยาวนานอีกเมืองหนึ่ง และยังเคยเป็นหนึ่งในมณฑลของภาคอีสาน มีสถานที่ท่องเที่ยว และสถานที่น่าสนใจมากมายค่ะ
วัดป่าภูก้อน
วัดป่าภูก้อน ได้ชื่อว่าเป็นวัดป่าแห่งการวิปัสสนาของภาคอีสาน ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม ต.บ้านก้อง อ.นายูง จ.อุดรธานี ซึ่งอยู่ระหว่างรอยต่อของ 3 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย และหนองคาย ถือเป็นอีกวัดหนึ่งของประเทศไทยที่ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแห่งพุทธศิลป์อันงดงามและมีบรรยากาศที่เงียบสงบ
จุดเด่น
นอกจากโครงสร้างที่เน้นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์สมัยรัตนโกสินทร์แล้ว ยังมีองค์พระพุทธรูปหินอ่อนขนาดใหญ่ พระวิหาร ศาลาราย และอาคารโดยรอบที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยแรงศรัทธาจากพุทธศาสนิกชน อีกทั้งภายในพระวิหารยังตกแต่งด้วยพุทธประวัติ พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนีหินอ่อนสีขาว ซึ่งเป็นหินอ่อนที่มีความสวยงามและทนทานต่อสภาพอากาศเป็นอย่างดี โดยใช้เวลาสร้างประมาณ 6 ปี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ ทำให้พระพุทธไสยาสน์แห่งนี้ กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งพุทธศิลป์ของในหลวงรัชกาลที่ 9
หากใครที่สนใจก็สามารถเดินทางไปทำบุญหรือวิปัสสนากรรมฐานกันได้ เพราะนอกจากจะได้ชมความสวยงามของโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงพุทธศิลป์ที่ร่วมสมัยแล้ว ยังได้ร่วมกันอนุรักษ์ ฟื้นฟูพื้นป่าที่เป็นสมบัติของชาติไทยกันอีกด้วย
การเดินทาง
เมื่อมาถึงจังหวัดอุดรธานี ให้ใช้ทางหลวงเส้นจังหวัดหนองคาย ไปถึงกิโลเมตรที่ 13 แยกซ้ายไปอำเภอบ้านผือ อำเภอนายูง จนถึง อำเภอนาคำใหญ่ จะมีทางเลี้ยวเข้าวัดป่าภูก้อน รวมระยะทางจากตัวเมืองอุดรธานีจนถึงวัดป่าภูก้อนประมาณ 125 กิโลเมตร รถทุกชนิดสามารถขึ้นไปได้ ยกเว้นรถบัสจะต้องจอดไว้ตรงปากทางขึ้น แล้วใช้บริการรถสองแถวขึ้นไปที่วัดแทน และเนื่องจากทางขึ้นพระวิหารวัดป่าภูก้อน เป็นทางลาดชัน ระยะทาง 1.5 กม. ท่านที่เดินทางโดยรถบัส โปรดใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ หากรถของท่านกำลังของเครื่องยนต์ต่ำ ทางวัดได้จัดรถสองแถวรับ-ส่งท่าน โดยคิดค่ารถ-น้ำมัน ท่านละ 20 บาท (รวมขึ้น+ลง) โดยทางวัดกำหนดให้รถบัสจอดรถบริเวณหน้าโรงครัววัดป่าภูก้อน ห่างจากประตูทางเข้าวัดประมาณ 50 เมตร
สำหรับรถยนต์ส่วนตัว ควรเป็นรถที่มีกำลังเครื่องยนต์สูงพอที่จะขับขึ้นเขาได้ โดยไม่ติดขัด และขอความกรุณาไม่ขับแซงระหว่างขึ้นหรือลง เพื่อความปลอดภัยของท่านเองและบุคคลอื่น
ข้อควรระวัง
ด้วยในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเกษตรกรที่ปลูกยางพาราเป็นจำนวนมาก และในระหว่างการขนส่งยางพารานั้น ทำให้น้ำยางพาราหกลงบนถนน ส่งผลให้ถนนลื่นเวลามีน้ำหรือฝนตก ข้อสังเกตว่าถนนมีน้ำยางพาราหรือไม่ “ถนนจะมีสีคล้ำและ เข้มกว่าปกติ” ดังนั้น ผู้ที่สัญจรมายังพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ หนองบัวลำภู, เลย, อุดรธานี, หนองคาย, บึงกาฬ, สกลนคร ฯลฯ เป็นต้น โปรดขับรถด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ด้วยความปรารถนาดีจาก ศิษยานุศิษย์…วัดป่าภูก้อน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
เว็บไซต์ : www.watpaphukon.org
ข้อมูลจาก เว็บไซต์ : www.watpaphukon.org
วัดป่าคำชะโนด
คำชะโนด หรือป่าคำชะโนด อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวศักดิ์สิทธ์ ที่ตั้งอยู่อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี สถานที่แห่งนี้นอกจากเป็นสถานที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านในจังหวัดอุดรธานีและใกล้เคียงแล้ว หากแต่ยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยการเล่าขานตำนานลี้ลับอันโด่งดัง ที่เชื่อกันว่าเป็นดินแดนของพญานาค ผืนป่าลอยน้ำ หรือความเชื่อเกี่ยวกับเมืองบาดาล
เมื่อเดินไปถึงป่าคำชะโนด จะเจอกับ “บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์” หรือ “บ่อคำชะโนด” ที่ตั้งอยู่กลางเกาะ มีลักษณะเป็นน้ำใต้ดินพุ่งไหลอยู่ตลอดเวลา และไม่เคยลดแห้งลงเลย ระดับน้ำอยู่แค่ไหน ก็จะอยู่ระดับนั้นไม่เปลี่ยน (มีความเชื่อกันว่าเป็นประตูเชื่อมไปสู่เมืองบาดาล ที่อยู่อาศัยของพญาศรีสุทโธนาคราช) ทั้งยังเป็นจุดที่คนนิยมเข้ามาสรงน้ำรูปปั้นพญานาค และประชาชนส่วนใหญ่ยังตักน้ำใส่ขวด เพื่อเก็บกลับไปสักการะ เพราะเชื่อว่าเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
ปัจจุบัน ป่าคำชะโนด ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีมนตร์ขลัง ด้วยเรื่องเล่าตำนานพญานาค ซึ่งตามตำนานเชื่อกันว่า พญาศรีสุทโธนาคราช ผู้ขุดแม่น้ำโขงใช้ป่าคำชะโนด เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเมืองบาดาลและโลกมนุษย์ ซึ่งบริเวณดังกล่าวคือ สะพานปูนรูปปั้นพญานาค 2 ตัว 7 เศียร และถ้าสังเกตให้ดี ๆ ตรงกึ่งกลางสะพาน จะเจอกับรอยแยก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นรอยต่อระหว่างโลกมนุษย์กับบาดาลนั่นเอง
แต่เพราะแรงศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศที่เดินทางไปยังป่าคำชะโนดกันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้คณะกรรมการวัดได้ออกกฎระเบียบ 6 ข้อ ได้แก่
1. ไม่จุดธูปเทียนบูชาในป่าคำชะโนด
2. ให้นำพานบายศรีหรือเครื่องเซ่นไหว้กลับ เพื่อเป็นการลดขยะ
3. ไม่โยนเหรียญลงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
4. งดปล่อยปลาและสัตว์น้ำลงไปในแหล่งน้ำ
5. ไม่ผูกผ้าแพร 7 สี
6. ไม่ทาแป้งหรือขัดถูต้นไม้
การเดินทางมายังป่าคำชะโนด
ขับมาตามเส้นทางหลวงหมายเลข 22 (อุดรธานี-สกลนคร) ขับตรงไปเรื่อย ๆ เมื่อเข้าสู่เขตพื้นที่บ้านหนองเม็ก หลังจากนั้นให้เลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอบ้านดุง เป็นระยะทาง 9 กิโลเมตร ไม่นานก็จะถึงป่าคำชะโนด (ป่าคำชะโนดเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook วังนาคินทร์คำชะโนด
ทะเลบัวแดง
ทะเลบัวแดง ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่งดงาม เป็นหนึ่งในที่เที่ยว Unseen Thailand ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศต่างก็อยากจะมาชมให้ได้สักครั้งหนึ่ง ที่ บึงหนองหาน ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ที่นี่เป็นหนองน้ำจืดธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เนื้อที่ประมาณ 28,125 ไร่ เต็มไปด้วยปลาจำนวนมาก มีนกอย่างน้อย 74 ชนิด และพืชน้ำอีกอย่างน้อย 15 ชนิด โดยเฉพาะ บัวแดง หรือบัวสาย ที่จะพร้อมใจกันบานสะพรั่งในช่วงฤดูหนาวของทุกปีอีกด้วย
ช่วงเวลาในการชมทะเลบัวแดง
ช่วงเวลาที่เหมาะคือ ธันวาคม – กุมภาพันธ์ เนื่องจากเป็นช่วงที่ปริมาณบัวจะเยอะมากที่สุด และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมทะเลบัวแดง คือตั้งแต่เวลา 05.00-11.00 น.
นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือล่องบึงหนองหาน โดยขึ้นที่ท่าเรือบ้านเดียม ชมความงดงามของบัวแดงอย่างใกล้ชิด รวมถึงได้ชมวิถีชีวิตของเหล่านกน้ำที่ออกมาหากินตามธรรมชาติ และควายที่ลงมาหากินในทะเลบัวแดงจนรู้สึกว่าเวลา 1 ชั่วโมงครึ่งที่นั่งเรือนั้นไม่นานเลย
ประเภทเรือ
เรือเล็ก: ราคา 300 บาท/ลำ นั่งได้ 2-3คน เรือใหญ่:ราคา 500 บาท/ลำ นั่งได้ 8คน (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง)
เรือทุกลำมีเสื้อชูชีพให้เพื่อความปลอดภัย
การเดินทาง
จากตัวเมืองอุดรธานี มุ่งหน้าไปทางอำเภอกุมภวาปี โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 2 ระยะทางประมาณ 54 กิโลเมตร ถึงกิโลเมตรที่ 260 จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปเส้นทางห้วยสามพาด ไปยัง อ.ประจักษ์ศิลปาคม อีกประมาณ 18 กม. ทุ่งบัวแดง อยู่บริเวณหนองหาน ซึ่งเป็นแหล่งนี้ธรรมชาติขนาดใหญ่
รายละเอียดเพิ่มเติม
ททท.สำนักงานอุดรธานี โทร.0-4232-5406-7
ศูนย์วัฒนธรรมไทยจีน ศาลเจ้าปู่-ย่า
ศูนย์วัฒนธรรมไทยจีน ศาลเจ้าปู่-ย่า
ศาลเจ้าของชาวจีนที่ใหญ่โตและสวยงาม มีสวนหย่อมริมหนองบัว บริเวณโดยรอบมีศาลาริมกลางน้ำ 2 หลัง บรรยากาศร่มรื่น และในศาลเจ้าปู่-ย่า แห่งนี้ยังเป็นที่เก็บรักษามังกรทองยาวถึง 99 เมตร ซึ่งใช้แสดงในงานทุ่งศรีเมืองในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี
สถาปัตยกรรมและการจัดสวนแบบจีน,สวนคุณธรรมพันปี 24 กตัญญู, นิทรรศการเกี่ยวกับคนจีนที่เดินทางมาอาศัยอยู่ที่จังหวัดอุดรธานีตั้งแต่ปีพ.ศ.2442 จนถึงปัจจุบัน
ภายในสวนตกแต่งด้วยไม้มงคลของจีนได้แก่ ต้นเครามังกร ต้นหลิว ต้นไผดำ ประทัดจีน หงส์ฟู่ บิโกเนีย โป๊ยเซียน พุด เทียนหอม ที่รายล้อมสระบัว และบ่อปลาคาร์ฟจักรพรรดิ และมีกิจกรรมให้ป้อนนมและอาหารปลาคราฟด้วย
นอกจากสวนที่สวยงามยังมี อาคารพิพิธภัณฑ์คุณธรรม ภายในบอกเล่าเรื่องราวของคนไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดอุดรธานี
ที่ชั้นใต้ดินมีการจัดแสดงเรื่องราวของมหานักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของชาวจีน “ขงจื้อ” เป็นเรื่องราวชีวิตของท่าน ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยชรา คำสอนและการเดินทางถ่ายทอดเรื่องราวออกมาในรูปแบบของภาพแกะสลักนูนต่ำ การปั้นรูปเหมือน
มีร้านชา ผิงอัน ร้านขายชาจีน เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม ได้นั่งจิบชารสหอมละไม พักผ่อนสบายๆ ชมบรรยากาศสวนจีนของศูนย์วัฒนธรรม นอกจากชาจีนหลากหลายกลิ่นแล้วยังมีกาแฟสดและน้ำปั่นเย็นบริการอีกด้วย
การเดินทาง
ถนนศรีสุข ที่วงเวียนตรงต่อไปยังโภคานุสรณ์ เลี้ยวขวา เข้าสู่ ถนนหมายเลข 22 ขับไปทางรอบสระหนองบัว จะถึงศาลเจ้าปู่-ย่า
ข้อมูลการติดต่อ
เบอร์โทร : +66 4232 5406-7
วันเปิดทำการ : ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ : 09.00 – 19.00
หลวงพ่อทันใจ วัดภูทองเทพนิมิต
วัดภูทองเทพนิมิต ที่เป็นสถานที่ประดิษฐานของหลวงพ่อทันใจ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก พระพุทธรูปใหญ่ประทับเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขา ที่ทาง “พระครูนิมิตสาธุวัฒน์” ได้สร้างเอาไว้เพื่อสักการะเป็นพระพุทธรูป-ใหญ่ที่ประทับเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขา แม้มองจากพื้นดินก็แลเห็นเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่อยู่บนยอดเขา มองจากเครื่องบินก็สวยงามไม่แพ้กัน นามพระพุทธรูป “พระพุทธชัยมงคลมหาชนอภิปูชนีย์ ” หรือ “หลวงพ่อทันใจ” ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตัก 12 เมตร องค์พระสูง 17 เมตร รวมฐานพระพุทธรูปสูง 22 เมตร
การเดินทาง
จากตัวเมืองอุดรธานี มุ่งหน้าไปทางอำเภอกุมภวาปี โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 2 ระยะทางประมาณ 32 กิโลเมตร เลี้ยวขวาที่อำเภอหนองแสง มุ่งหน้าเข้าสู่ ต.ทับกุง จะสังเกตเห็นป้ายป้ายวัดภูทองเทพนิมิตแล้วเลี้ยวขวา ทางขึ้นวัดภูทองเทพนิมิตค่อยข้างลาดชัน โปรดลดความเร็วและใช้ความระมัดระวังเพื่อความปลอดภัย
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง มีสถานที่ให้ชม 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 ตั้งอยู่ทางด้านขวาของทางเข้า อยู่ในบริเวณวัดโพธิ์ศรีใน เป็นพิพิธภัณฑ์เปิดที่เป็นแหล่งโบราณคดีแห่งแรกในประเทศไทย เป็นนิทรรศการถาวร ซึ่งแสดงขั้นตอนการขุดค้นทางโบราณคดี ที่ยังคงลักษณะของศิลปวัตถุที่พบตามชั้นดิน เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ศึกษาถึงการขุดค้นทางโบราณคดี และโบราณวัตถุ โดยส่วนใหญ่เป็นภาชนะเผาที่ฝังรวมกับศพที่กลายมาเป็นโครงกระดูกในปัจจุบัน
ส่วนที่ 2 ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของทางเข้าเป็นอาคาร ที่จัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวและวัฒนธรรมของบ้านเชียงในอดีต ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ที่แสดงถึงเทคโนโลยีในสมัยโบราณ รวมทั้งโบราณวัตถุ และนิทรรศการบ้านเชียงที่เคยจัดแสดง ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา มาแล้วค่ะ นอกจากนั้น ภายในบริเวณอาคารส่วนที่ 2 ยังมีห้องนิทรรศการ ห้องบรรยาย ฉายภาพยนตร์ ภาพนิ่ง และการให้บริการการศึกษาต่างอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงโบราณวัตถุประเภทต่าง ๆ ทำจากวัสดุนานาชนิดที่ช่วยสร้างความเข้าใจเรื่องสังคมและเทคโนโลยี การขุดค้นที่บ้านเชียงยังพบกระดูกสัตว์ชนิดต่าง ๆ และเปลือกหอยด้วย ซึ่งทำให้เข้าใจและอธิบายถึงวิถีทางการดำเนินชีวิตของมนุษย์ในสมัยก่อน ประวัติศาสตร์ โดยหลักฐานที่พบ คือ การขวานทำจากเหล็กและกระดูกควาย ก็สรุปได้ว่ามนุษย์รู้จักการทำนาในที่ลุ่ม และมีการไถนาแล้วเมื่อ ราวเกือบ 3 พันปีมาแล้ว รวมทั้งกระดูกสัตว์ต่าง ๆ และเปลือกหอยหลายชนิด โดยนักโบราณคดีสามารถจำแนกโครงกระดูกของสัตว์เลี้ยง หรือสัตว์ที่ถูกล่ามาเป็นอาการได้เลยจากหลักฐานดังกล่าว
การเดินทาง
การเดินทางไป พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง มีความสะดวก เนื่องจากอยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 55 กิโลเมตร สามารถเดินทางตามเส้นทางหมายเลข 22 เส้นอุดรธานี-สกลนคร ตรงกิโลเมตรที่ 50 ก็จะถึงปากทางเข้าบ้านปูลู จะเห็นป้ายบอกทางไปพิพิธภัณฑ์ทางด้านซ้ายมือ เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2225 อีกประมาณ 6 กิโลเมตร ก็จะถึงพิพิธภัณฑ์แล้วล่ะค่ะ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่มีรถยนต์ส่วนบุคคล สามารถเดินทางจากสถานีขนส่งเก่าของจังหวัด (เยื้องกับห้างสรรพสินค้าเซนทรัล) โดยโดยสารรถขนส่งประจำทาง อุดรธานี-บ้านดุง, อุดรธานี-สกลนคร, อุดรธานี-บึงกาฬ มายังสี่แยกหนองเม็กเพื่อต่อมอเตอร์ไซต์รับจ้าง หรือรถสามล้อรับจ้างเข้าสู่แหล่งโบราณคดี
อัตราค่าเข้าชม : ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาทที่อยู่ : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 13 ถนนสุทธิพงษ์ ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี 41320
โทรศัพท์ : 0 4220 8340 โทรสาร : 0 4220 8341
เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
ขอบคุณข้อมูลจาก Travel Kapook
- Published in Uncategorized